รู้จักโรคกระเพาะ
โรคกระเพาะมักมีอาการปวดแสบ ปวดตื้อ ปวดเสียดหรือจุกแน่น ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่ อาการปวดเหล่านี้ เป็นได้ทั้งเวลาก่อนกินอาหารหรือหลังกินอาหารใหม่ๆ และเวลาท้องว่าง เช่น เวลาหิวข้าวตอนเช้ามืด หรือก่อน นอนตอนดึกๆ ก็ปวดท้องโรคกระเพาะได้เช่นกัน
อาการปวดท้องที่เกิดขึ้นนั้นมาจากภาวะมีกรดใน กระเพาะอาหารมาก กรดนี้ก็ไประคายเคืองกระเพาะจนทำให้เกิดแผลที่ผนังของกระเพาะอาหารหรือที่ลำไส้เล็กตอนบน บางคนอาจเป็นๆ หายๆ เวลาเป็นมักจะปวดนานครั้งละ ๑๕-๓๐ นาที วันละหลายครั้งตามมื้ออาหาร อาการปวดท้องจะบรรเทาลงถ้าได้กินข้าว ดื่มน้ำ ดื่มนมหรือกินยาลดกรด
โรคกระเพาะหรือเรียกเป็นทางการว่าโรคแผลในกระเพาะอาหาร เป็นคำรวมๆ หมายถึงแผลที่เกิดขึ้น ในเยื่อบุทางเดินอาหารส่วนที่สัมผัสกับน้ำย่อยของกระเพาะอาหาร ดังนั้น จึงพบว่าการเกิดแผลได้ตั้งแต่บริเวณหลอดอาหารส่วนล่าง กระเพาะอาหาร และ ลำไส้เล็กส่วนต้น ตำแหน่งที่พบแผลได้บ่อยคือกระเพาะอาหารส่วนปลาย และระหว่างรอยต่อกระเพาะอาหารกับลำไส้เล็กส่วนต้น
คนที่เป็นโรคกระเพาะถ้าไม่ได้รับการรักษาและดูแลตนเองให้ถูกต้อง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ เช่น เลือดออกในกระเพาะอาหาร (มีอาการอาเจียนเป็นเลือด และถ่ายอุจจาระดำ) กระเพาะลำไส้เป็นแผลทะลุ (มีอาการปวดท้องรุนแรง หน้าท้องแข็ง กดเจ็บ) กระเพาะลำไส้ตีบตัน (มีอาการปวดท้องรุนแรงและอาเจียนทุกครั้งหลังกินอาหาร)
โรคกระเพาะมีสาเหตุหลักมาจากกรดและน้ำย่อย อาหารที่หลั่งออกมาแล้วไปทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร และความบกพร่องของเยื่อบุกระเพาะที่ไม่สามารถต้านทานกรดได้ดี ส่วนสาเหตุรองลงมาหรือปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะหนักขึ้น คือภาวะความ เครียด วิตกกังวล คิดมาก นอนไม่หลับ อารมณ์หงุดหงิด
ผู้ที่ต้องทำงานหนักพักผ่อนน้อยแต่ต้องมีการแข่งขันสูง เช่น นักธุรกิจที่ต้องคอยกังวลอยู่กับกำไรขาดทุน มักพบว่าเป็นโรคกระเพาะกันมาก บางคนจึงเรียกโรคกระเพาะว่า "โรคของนักบริหาร" แต่พ่อบ้านแม่เรือนผู้ที่มีความรับผิดชอบทั้งงานบ้านและที่ทำงาน ถ้าเคร่งเครียดจากการทำงานแล้ว กลับมาถึงบ้านยังมีเรื่องให้วิตกกังวล ทำให้นอนไม่หลับและไม่ได้พักผ่อนเท่าที่ควร ก็มีโอกาสเป็นโรคกระเพาะได้เช่นกัน
ปัจจัยส่งเสริมการเป็นโรคกระเพาะที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ อุปนิสัยการกินที่ไม่ดี เช่น การกินอาหารอย่างรีบเร่ง กินไม่เป็นเวลา อดอาหารบางมื้อ และการกินสารที่ระคายเคืองต่อกระเพาะและลำไส้ เช่น ดื่มน้ำชากาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลังที่มีสารกาเฟอีนมาก การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เบียร์ เป็นประจำ และการกินยาบางชนิดที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะได้ เช่น การกินยาแก้ปวดจำพวกแอสไพริน ยารักษาโรคกระดูกและข้ออักเสบ ยาชุดหรือยาลูกกลอนที่มีสตีรอยด์ การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมต่างๆ ที่กล่าวมานี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคกระเพาะได้
นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบในปัจจุบันว่า การติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งในกระเพาะอาหาร ที่มีชื่อว่า "เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร" ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้เช่นกัน เพราะเชื้อนี้ทำให้ผนังกระเพาะอาหารอ่อนแอลง จึงมีความทนต่อกรดและ น้ำย่อยลดลง เชื้อนี้ยังอาจทำให้แผลหายช้า หรือทำให้แผลที่หายแล้วเกิดเป็นแผลซ้ำได้อีก และยังพบว่าเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ด้วย ดังนั้นคนเป็นโรคกระเพาะควรได้รับการตรวจว่ามีการติดเชื้อชนิดนี้หรือไม่ และอาจจำเป็นต้องใช้ยากำจัดเชื้อนี้ด้วย