กฎข้อแรกเมื่อผ้ามีรอยเปื้อนสกปรกคือเมื่อคุณยิ่งซักเร็วเท่าไหร่ คุณก็อาจจะกำจัดมันทั้งหมดได้เร็วขึ้นเท่านั้น กฎข้อที่ 2 ของรอยเปื้อน คือ ให้ทดสอบทำความสะอาดจุดที่เปื้อนก่อน ถ้าจุดที่เปื้อนที่คุณทดสอบสีเริ่มหายไป คุณสามารถทำให้สีไม่จางไปโดยการทำให้น้ำยาที่คุณใช้ซักล้าง "เป็นกลาง" ตัวอย่างเช่น ผลกระทบของกรด เช่น น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูจะถูกทำให้เป็นกลางหรือเป็นด่างได้โดยสิ่งที่เป็นด่าง เช่น เบกกิ้ง โซดา หรือทำให้เป็นกรดได้โดยทำตรงกันข้าม จำไว้ว่าให้ล้างน้ำยาออกทุกครั้งหลังทดสอบกำจัดรอยเปื้อน
ผ้ากันเปื้อนที่สกปรกมาก: นำไปซักให้ชุ่มในเบกกิ้ง โซดา 3 ช้อนโต๊ะ (45 มล.) ที่ละลายในน้ำร้อนในอ่างน้ำหรือเครื่องซักผ้า
ผลไม้และไวน์: ให้เทเกลือหรือน้ำโซดาเย็นลงบนรอยเปื้อนทันทีและแช่ในนมก่อนซัก โดยทั่วไปแล้ว เป็นเรื่องที่ดีที่จะแช่น้ำโซดาไว้ในตู้เย็นเพื่อเก็บไว้ใช้เป็นตัวกำจัดรอยเปื้อน
ไขมัน: ถ้าเป็นผ้าฝ้ายสีขาวให้ใช้ผ้านั้นบิดน้ำร้อน และแช่ผ้าในเบกกิ้ง โซดาแห้ง หรือ ถูด้วยโซดาซักล้างในน้ำ สำหรับผ้าอื่นๆ นั้น ให้ลบรอยไขมันออกด้วยผ้าขนหนู โดยทำให้รอยเปื้อนชื้นด้วยน้ำ และถูด้วยสบู่หรือเบกกิ้ง โซดา หลังจากนั้นจึงซักด้วยน้ำที่ร้อนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยใช้สบู่ปริมาณมากเป็นพิเศษ
หมายเหตุ: ให้แน่ใจว่าได้อ่านคำแนะนำในการซักผ้าก่อนใช้น้ำเดือดหรือน้ำร้อน
รอยหมึก: ให้แช่ในนมด้วยไฮโดรเจน เพอร์ออกไซด์
คราบเลือด: ให้เทเกลือหรือน้ำโซดาลงบนคราบเลือดในทันทีและแช่ในน้ำเย็นก่อนซัก สำหรับคราบเลือดที่ซักออกยากเย็น ให้ผสมแป้งข้าวโพดกับแป้งทาตัวหรือแป้งข้าวโพดคอร์นมีลในน้ำ จากนั้นปล่อยให้แห้งและใช้แปรงขัดออกไป
คราบกาแฟและช๊อกโกแลต: ให้ผสมไข่แดงกับน้ำอุ่นพอประมาณและเอาไปถูบนคราบ
หมากฝรั่ง: ถูด้วยน้ำแข็งแล้วหมากฝรั่งจะหลุดเป็นแผ่นออกไป
คราบลิปสติก: ถูด้วยครีมเย็นๆ หรือ ช็อตเทนนิ่ง แล้วล้างน้ำโซดาซักล้าง
คราบสนิม: ทำให้คราบสนิมเปียกด้วยนมเปรี้ยวและเกลือ (ให้เติมน้ำส้มสายชู 2 ช้อนชา/10 มล.) ลงในนม 1 ถ้วยเพื่อทำให้นมเปรี้ยว) หรือด้วยน้ำมะนาว แล้วถูด้วยเหลือ ให้ตากในแสงอาทิตย์จนแห้ง จากนั้นจึงล้างออก
รา: ให้เทสบู่เข้มข้นและเหลือลงบนคราบรา หรือฉีดสเปรย์น้ำส้มสายชูและนำไปตากแดด ทำให้คราบราชื้นเอาไว้ และทำซ้ำให้บ่อยเท่าที่จำเป็น
รอยไหม้: ให้ต้มผ้าที่มีรอยไหม้ในสบู่ 1 ถ้วย (250 มล.) และนม 2 ลิตร
คราบน้ำบนเฟอร์นิเจอร์ไม้: ใช้ผ้าแห้งชุบน้ำมันพืชหรือด้วยเนยผสมกับเถ้าบุหรี่จำนวนมากพอควรเพื่อทำให้เนยมีสีน้ำตาล